"โหวตทักษิณเอ้าท์" ขาประจำสวมเสื้อกั๊กออกจากห้องสมุดชำแหละ "การเมืองปาหี่"

15 มกราคม พ.ศ. 2549 

วิกิข่าว
วิกิข่าว
บทความนี้เป็นรายงานต้นฉบับ ซึ่งเริ่มต้นเขียนขึ้นโดยชาววิกิข่าว ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่หน้าอภิปราย

โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง : จวกยับ "การเมืองมหรสพ" แค่ละคอนแก้บนน้ำเน่า ผลาญงบหลวง หวั่นเดินสายจัดตั้งชนบทชนเมือง ม๊อบสนธิเกิดได้เพราะกลไกสอบคอรัปชั่นตาย ปล่อยให้นักการเมืองโกงกันยกโคตร เสนอทางออกปลดล๊อคผู้ว่า สตง. ให้คุณหญิง "คัมแบ๊ค" ลดกระแสความไม่พอใจ นายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีเรียลิตี้โชว์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ในตลอดสัปดาห์หน้าว่า นายกรัฐมนตรีกำลังทำให้การเมืองที่มีวิกฤติจริงจังหลายด้านกลายเป็นละครชีวิตน้ำเน่าของตัวเองมากทุกที ที่จริงแล้วการจัดรายการลักษณะนี้ก็ไม่ต่างจากการจัดละครแก้บน เพื่อล้างซวยช่วงปลายปีที่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะชวนนายหญิง เจ๊ใหญ่ เจ็เล็ก รำซัดชาตรีเงียบ ๆ แก้บนที่บ้านก็พอ ไม่ต้องมาวุ่นวายเสียเงินภาษีประชาชนหลายสิบล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ประเทศกำลังยากจน

นายธีรยุทธ กล่าวว่า นายกฯ อ้างว่าเงินสำรองสมัยตนมีสูงเป็นประวัติการณ์ ก็เป็นการมองมุมแคบ ๆ มุมเดียว ในช่วงของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณก็อยู่ร่วม ครม.ด้วย เคยทนงตนว่ามีเงินสำรองอยู่หลายหมื่นล้านดอลลาร์ พอฝรั่งขนเงินบาทมาแลกดอลลาร์โจมตีค่าเงินบาท เราก็หมดตัวจนต้องกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ เพราะฉะนั้นตนจึงอยากให้นายกฯ รู้สึกว่าเราเป็นประเทศที่ยากจน ขอให้ใช้ทรัพยากรและเวลาของประชาชนอย่างระมัดระวัง และในขณะนี้ปัญหาสำคัญจนถึงขั้นวิกฤติหรือเกือบวิกฤติของประเทศมีมากหลายด้าน เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความยากจน ความเสี่ยวไข้หวัดนก ปัญหาภาคใต้ จนรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และอดีตนายกฯอานันท์ ปันยารชุนซึ่งต้องกระโดดลงมาช่วยอย่างจริงจังและจริงใจ

ซีอีโอกำมะลอ

นายธีรยุทธย้ำว่า ในปี 2549 มีโอกาสที่ตัวแปรต่างๆจะมาบรรจบกันเป็นวิกฤติค่อนข้างสูงและในการแก้ปัญหา ไม่ใช่ทำแบบเล่นๆ ทำแบบรายการผ้าขาวม้าสัญจรหรือ "โปลิติคัลแฟนตาเซีย" (Political Fantasia) เพราะรายการแบบนั้นจะทำให้ข้าราชการ ต้องเสียเวลามาเขียนสคริปต์ จัดฉาก นายกฯและรัฐมนตรีต่างๆต้องเสียเวลาท่องบท ฝึกซ้อมการเข้ากล้อง ผัดหมี่ ผัดข้าวผัด ไม่มีเวลาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ถ้าจะอ้างว่าการจัดรายการเช่นนี้ เพื่อให้เข้าใจสภาพท้องถิ่นดีขึ้นก็ฟังไม่ขึ้น เพราะนายกฯ เคยอ้างว่ารู้ข้อมูลหมดแล้วเพราะเป็นซีอีโอ เป็นเจ้าพ่อวงการสื่อสารโทรคมนาคมอยู่

“ผมคิดว่าถ้าจัดโปลิตัลแฟนตาเซียก็ควรจะทำแบบมืออาชีพจริง ๆ ก็ควรมีครูมีฝีมือจริงมาสอนโดยให้น.ต.ศิธา ทิวารี เป็นครูดุ๊ก เป็นครูใหญ่ ให้นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นครูรัก(ศรัทธา ศรัทธาทิพย์) นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เป็นครูอาท สอนท่าเต้น ป้าอุ เป็นครูเป็ด สอนเต้นรำเช่นกัน ส่วนนักสร้างฝันนั้นก็ให้นายกฯ ทักษิณ เป็น V4 หนุ่มออฟเพราะหน้าตี๋ สี่เหลี่ยมเหมือนกันแต่ใหญ่กว่า เนวิน เป็นหนุ่มโจ V12 สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เป็นสามัดชา V6 ศันสนีย์ นาคพงศ์ เป็นสาวเปรี้ยว V2 สมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นหนุ่มบอย V8"

อดีตผู้นำนักศึกษาเสนออีกว่า รายการนี้ควรให้มีการโหวตเอ้าท์ด้วย ถ้าคุณทักษิณ มีโหวตเอ้าท์ ผมจะโหวตผ่านเอสเอ็มเอส เป็นคนแรก โหวตให้ทักษิณ V4 เพราะนายกฯ ทักษิณ เป็นนายกฯ ที่มีสีสันทำให้คนจำได้เก่ง จนต้องขอนำเหตุการณ์สำคัญที่จำได้ของนักการเมือง 3 รุ่นที่ผ่านมามาเปรียบเทียบ คือ “ชวนปาไข่ อุทัยปาขี้ ทักษิณปาหี่”

หวั่นสังคมเผชิญหน้า

นายธีรยุทธิวิเคราะห์แนวโน้วทางการเ้มืองต่อไปว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะล้มล้างทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตยที่บอกว่าคนกรุงล้มรัฐบาล จะเห็นได้ว่ารายการเรียลิตี้โชว์ที่จะจัดขึ้น เป็นการสร้างการเมืองจังหวัดและภูมิภาค ขึ้นมาคานการเมืองส่วนกลาง เพราะตลอดปี 2548 พ.ต.ท.ทักษิณถูกรุมเร้าด้วยข้อหาคอรัปชั่นของญาติ พวกพ้องและการใช้อำนาจริดรอนสิทธิเสรีภาพและคุกคามสื่อมวลชน จนคนชั้นกลางและคนกรุงจำนวนหนึ่งไม่พอใจจนถึงขั้นเกลียดชังและต้องการขับไล่ แบบเดียวกับคณะ รสช.ดังปรากฎการณ์ม็อบบุกทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันศุกร์ที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา

ความเป็นจริงการทำการเมืองรูปแบบนี้พอจะมีแง่ดีอยู่บ้าง คือทำให้การเมืองท้องถิ่นตื่นตัว แต่ต้องระวังความขัดแย้งระหว่างชนบทกับเมือง ต้องไม่ใช่ทำจากโมหะโทสะ ถ้าอยู่ยาวนานหลายปี ก็จะแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย มีการจัดตั้ง เหมือนกับกรณีม็อบต่างจังหวัดมาชนกับม็อบคุณสนธิ อาจจะมีกรณีคนชุมนุมอยู่ที่อนุสาวรีย์พระยาเม็งรายอยู่ด ีๆ ก็มีคนกรุงเทพส่วนหนึ่งที่คิดตรงกันข้าม นั่งรถไฟ นั่งเครื่องบิน ขึ้นรถยนต์ไปตีม็อบที่อนุสาวรีย์พระยาเม็งราย มีตัวอย่างให้เห็นในละตินอเมริกาที่คนชั้นกลางกับคนชั้นล่างเป็นศัตรูกัน มีการเผชิญหน้ากัน

"หลังจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินสายไปชนบทบ่อยมากขึ้น เดาว่าทั้งปีจะออกต่างจังหวัดเรื่อย เพราะวันนี้พ.ต.ท.ทักษิณเหมือนไม่มีทางออก อยู่ในกรุงเทพมีคนไม่ชอบ มีคนวิจารณ์เยอะ ก็ไปอยู่ต่างจังหวัดซะ จะได้หาพวก” นายธีรยุทธ กล่าว

กลไกพิการ ม๊อบสนธิเกิด

นายธีรยุทธแสดงความเห็นว่าต่อม็อบของนายสนธิ ลิ้่มทองกุลว่า เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง ปรากฎการณ์สนธิที่เกิดขึ้น บ่งบอกถึงกลไกการตรวจสอบอำนาจรัฐไม่ทำงาน มีอำนาจมากดกลไกเหล่านี้และกดส่วนอื่น ๆ ของสังคม คุกคามไม่ให้เปิดเผยและเปิดโปงการคอรัปชั่น สะท้อนการดำรงอยู่ของอำนาจและอิทธิพลที่บีบคั้นกดดันสังคมไทย จึงทำให้รายการดังกล่าวดำรงได้อยู่อย่างยาวนาน จุดนี้จะเป็นเหตุแห่งการระเบิดอย่างรุนแรงสุดขั้วต่อไปได้ แม้จะเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่ก็จะเกิดอีกต่อไป รัฐบาลควรพึงสังวรว่าความรุนแรงนี้สามารถขยายตัวได้ เปรียบเสมือนยอดภูเขาน้ำแข็งของคนที่ไม่พอใจปัญหาคอรัปชั่นและอิทธิพลมืดซึ่งทำลายระบบตรวจสอบของประเทศ และยังคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชนและการแสดงออกของประชาชน ซึ่งมีมากในสมัยของนายกฯทักษิณ

นายธีรยุทธเสนอทางออกว่้า สังคมควรเร่งหาทางออกในลักษณะการแก้ไขที่ระบบ เพื่อคลี่คลายกลไกฟันเฟืองการตรวจสอบที่ไม่ทำงานให้ได้ เช่น กรณีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา หากมีการแต่งตั้งในตำแหน่งที่ถูกต้องและเหมาะสม เพราะประชาชนทุกวันนี้ต้องการให้มีการตรวจสอบคอรัปชั่น ถ้าคุณหญิงจารุวรรณกลับมาอยู่ในตำแหน่งอาจจะมีรัฐมนตรีถูกจับเข้าคุกไม่ต่ำกว่า 3- 5 คน

แต่นายธีรยุทธท้วงติงการเคลื่อนไหวของม็อบขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นเรื่องที่เร็วเกินไปและไม่เหมาะสม แต่ขอให้กำลังใจนายสนธิและพล.ต.อ.ประทินให้ทำงานต่อไปโดยเฉพาะในด้านการเปิดโปงคอรัปชั่นและเส้นทางแสวงประโยชน์ของนักการเมืองทุจริตของพรรคไทยรักไทยเพราะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบในระบอบประชาธิปไตยและเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างมาก

ขยายแนวร่วม ใช่แค่สนธิ

อดีตผู้นำในเหตุการณ์ 14 ตุลา เสนอแนะว่า นายสนธิควรขยายแนวร่วมในการทำงานเพิ่มขึ้น เช่นให้มีพิธีกรร่วมอาทิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) นพ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี นายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กทม. นายโสภณ สุภาพงศ์ ส.ว.กทม. น.ส.รสนา โตสิตระกูลประธาน 30 องค์กรต้านคอรัปชั่น นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น นายต่อตระกูล ยมนาค ประธานสภาวิศวกรรมสถานแห่งชาติ

ในแง่เนื้อหารายการ ควรเน้นการเปิดโปงปัญหาคอรัปชั่นของรัฐบาล ซึ่งเป็นจุดแข็งของนายสนธิ ขณะเดียวกันก็ขยายไปสู่การปฏิรูปทางการเมือง และการต่อต้านอำนาจเผด็จการ และควรสนใจสัญลักษณ์ คำขวัญการรณรงค์ไม่ให้มีลักษณะที่ใช้สถาบันทำลายอีกฝ่ายหนึ่ง และยกระดับคำขวัญให้เป็นการพัฒนาการปฏิรูปทางการเมือง การขจัดอำนาจเผด็จการ

"การอ้างพระราชอำนาจเพียงเรื่องเดียว ไม่เพียงพอที่จะล้มล้างรัฐบาลทักษิณได้ เนื่องจากฐานความชอบธรรมของระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ มีลักษณะเป็นความชอบธรรมเชิงซ้อน(complex legitimacy) มีหลายด้านด้วยกันและประกอบด้วยคนต่างกลุ่มต่างชนชั้น ต่างความคิดอุดมการณ์ เศรษฐกิจการเมือง จึงทำให้น้ำหนักในแต่ละปัจจัยต่างกันไป แล้วที่บางคนชอบอ้างว่าเป็นบุคคลที่ตั้งรัฐบาลได้ เช่นนายเสนาะ เทียนทอง ก็อยากให้เลิกอ้างได้แล้ว เพราะบุคคลเพียงคนเดียวไม่สามารถจะจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะการตั้งรัฐบาลได้นั้น เป็นการประจวบกันของปัจจัยความชอบธรรมเชิงซ้อนซึ่งมีความหลากหลายมาก"

หยุดแผ่นเสียงตกร่อง

อดีตผู้นำนักศึกษากล่าวว่า ขณะนี้ปัญหารุมเร้านายกฯ ทักษิณหลายด้าน และเริ่มหนักหน่วงมากขึ้นโดยเฉพาะปัญหาคอรัปชั่นแบบโคตรนุวัตร หรือ kotraization of corruption ซึ่งขณะนี้ไม่ได้มีโคตรเดียว แต่นับรวมเกือบสิบโคตรแล้ว เช่นพวกปั่นหุ้นในตลาดหุ้นก็มีอยู่ 4-5 โคตร ที่เป็นโคตรของนักการเมือง

“คุณทักษิณไม่ควรคิดว่าตัวเองมี 19 ล้านเสียงแล้วเป็นความชอบธรรมให้ตัวเองเป็นนายกฯ ตลอดไป เพราะถ้าหากว่าคุณทักษิณมีเจตนาคอร์รัปชั่นเพียงบาทเดียว 19 ล้านเสียงก็ปกป้องไม่ได้ ต้องออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป จะเอาเสียงที่มีมาอ้างพร่ำเพรื่อไม่ได้” นักวิชาการผู้นี้ กล่าว